ตามที่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่อง 10 อาหารตามธรรมชาติ หากรับประทานปริมาณมาก อาจได้รับสารไซยาไนต์ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พบว่าข้อมูลดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลบิดเบือน
จากกรณีที่มีผู้โพสต์ว่า 10 อาหารตามธรรมชาติ หากรับประทานปริมาณมาก อาจได้รับสารไซยาไนต์ ทางกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ไซยาไนด์เป็นสารเคมีชนิดหนึ่งพบได้ตามธรรมชาติในพืชและอาหารบางชนิด โดยเฉพาะในอาหารที่มีสารประกอบไซยาโนเจนิกไกลโคไซด์ (Cyanogenic Glycosides) เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะถูกเปลี่ยนเป็นไซยาไนด์ ซึ่งเป็นพิษต่อร่างกายหากได้รับในปริมาณสูง องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำค่าปริมาณสารไซยาไนด์ที่รับประทานได้ ไม่ควรเกิน 0.5-1 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน เนื่องจากไซยาไนด์สามารถส่งผลต่อระบบประสาทและระบบไหลเวียนเลือด หากได้รับในปริมาณสูงอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน หายใจลำบาก หรือเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
10 อันดับอาหารตามธรรมชาติที่มีปริมาณไซยาไนด์สูงที่สุดในโลก จากงานวิจัยและแหล่งข้อมูลด้านพิษวิทยา จัดอันดับได้ดังนี้
1. เมล็ดอัลมอนด์ขม มีปริมาณไซยาไนด์สูงสุด ประมาณ 40 มิลลิกรัมต่อกรัม ในรูปของสารอะมิกดาลิน ซึ่งสามารถปล่อยไฮโดรเจนไซยาไนด์เมื่อเคี้ยวหรือย่อยสลาย
2. มันสำปะหลังดิบ (Cassava) โดยเฉพาะพันธุ์ขม มีไซยาไนด์ 1-2 มิลลิกรัมต่อกรัม ซึ่งต้องผ่านกระบวนการแช่น้ำและต้มเพื่อลดความเป็นพิษก่อนบริโภค
3. เมล็ดแอปริคอต มีอะมิกดาลินในปริมาณสูง เมล็ดดิบที่ผ่านการเคี้ยวอาจปล่อยไซยาไนด์ในระดับที่เป็นอันตราย
4. เมล็ดแอปเปิ้ล มีไซยาไนด์ในปริมาณเล็กน้อย แต่การเคี้ยวหรือบดเมล็ดจำนวนมากอาจเพิ่มความเสี่ยงและเป็นอันตราย
5. เมล็ดลูกพีช มีอะมิกดาลิน เช่นเดียวกับเมล็ดแอปริคอต ซึ่งปล่อยไซยาไนด์ได้เมื่อบดหรือเคี้ยว
6. เมล็ดเชอร์รี่ มีสารอะมิกดาลินเช่นกัน การเคี้ยวหรือบดเมล็ดอาจปล่อยไฮโดรเจนไซยาไนด์
7. หน่อไม้ดิบ (Bamboo Shoots) มีสารประกอบที่ปล่อยไฮโดรเจนไซยาไนด์ สามารถลดไซยาไนด์ได้ด้วยการต้มจนสุก
8. ถั่วลิมา (Lima Beans) มีปริมาณไซยาไนด์ในระดับปานกลาง แนะนำให้ปรุงสุกก่อนบริโภคเพื่อความปลอดภัย
9. เมล็ดบ๊วย มีสารอะมิกดาลินในปริมาณน้อยกว่าเมล็ดพืชชนิดอื่นๆ ในตระกูลเดียวกัน แต่สามารถปล่อยไซยาไนด์ได้เมื่อบดหรือเคี้ยว
10. ถั่วบางชนิด เช่น ถั่วสเปนและถั่วฝักยาวพันธุ์ต่าง ๆ อาจมีไซยาไนด์ในระดับต่ำ แต่ควรปรุงสุกเพื่อความปลอดภัย
การบริโภคอาหารเหล่านี้ในรูปแบบที่ดิบหรือบดละเอียดในปริมาณมากอาจเพิ่มความเสี่ยงในการได้รับสารพิษไซยาไนด์ โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้บริโภคในปริมาณจำกัด และควรผ่านการปรุงสุกหรือลดไซยาไนด์ด้วยกระบวนการต่าง ๆ เช่น การแช่น้ำ การต้ม หรือนึ่ง เพื่อให้ปลอดภัยมากขึ้น
ดังนั้นข้อมูลที่มีการโพสต์ และแชร์ต่อในขณะนี้ จึงเป็นข้อมูลบิดเบือน ขอความร่วมมือประชาชน ไม่แชร์ ไม่ส่งต่อข่าวดังกล่าว เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และสามารถติดตามข่าวสารของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้ที่เว็บไซต์ https://anamai.moph.go.th/th หรือ โทร. 02-590-4000
บทสรุปของเรื่องนี้คือ : 10 อันดับอาหารตามธรรมชาติดังกล่าวมีปริมาณไซยาไนด์สูงที่สุดในโลกจริง แต่องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้บริโภคในปริมาณจำกัด และควรผ่านการปรุงสุกหรือลดไซยาไนด์ด้วยกระบวนการต่าง ๆ เช่น การแช่น้ำ การต้ม หรือนึ่ง เพื่อช่วยเรื่องความปลอดภัยได้มากขึ้น