ตามที่มีประเด็นเกี่ยวกับเรื่อง ประเทศไทยมีเขื่อนมากถึง 4,758 เขื่อน แต่หน้าฝนน้ำยังท่วม ส่วนหน้าแล้งน้ำขาดแคลน ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พบว่าข้อมูลดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลบิดเบือน
กรณีที่มีผู้โพสต์และแชร์ข้อมูลว่า ประเทศไทยมีเขื่อนมากถึง 4,758 เขื่อน แต่หน้าฝนน้ำยังท่วม ส่วนหน้าแล้งน้ำขาดแคลน ทางกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ปัจจุบัน (2 กันยายน 2567) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ จํานวน 35 แห่ง และอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง จํานวน 435 แห่ง มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 48,015 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) หรือคิดเป็น 63% ของความจุอ่างฯ รวมกัน ยังสามารถรองรับน้ำได้รวมกันอีกกว่า 28,300 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์เขื่อนแควน้อย บํารุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 13,341 ล้าน ลบ.ม. (58% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) ยังสามารถรองรับน้ำได้รวมกันอีกกว่า 10,530 ล้าน ลบ.ม.
ดังนั้นหากฝนตกในพื้นที่เหนือเขื่อน มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนจํานวนมาก จะเป็นผลดีที่จะมีน้ำกักเก็บไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง ปี 2567/68 เพิ่มขึ้น แต่หากเกิดปัญหาฝนทิ้งช่วง หรือปริมาณฝนที่ตกลงมาในพื้นที่ท้ายเขื่อน ปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนน้อยลง ย่อมส่งผลให้เกิดความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาภัยแล้งได้
สําหรับปริมาณฝนสะสมปี 2567 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-29 ส.ค.67 จํานวน 981.4 มม. ต่ำกว่าค่าปกติ 33.1 มิลลิเมตร (มม.) คิดเป็น 3% ส่วนปริมาณฝนสะสมช่วงฤดูฝนปี 2567 ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค.- 29 ส.ค. 67 มีปริมาณฝนสะสมประมาณ 800.1 มม. สูงกว่าค่าปกติ 91.9 มม. คิดเป็น 13% นอกจากนี้ ยังพบว่า แนวโน้มฝน
ในเดือน ก.ย-ต.ค. 67 จะสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติอีกด้วย
กรมชลประทาน ได้บูรณาการทํางานร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำต่าง ๆ ให้สอดคล้องสัมพันธ์กับปริมาณน้ำในลําน้ำ เพื่อลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับประชาชนให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่อยู่อาศัยในพื้นที่ด้านท้ายของอ่างเก็บน้ำ
รวมไปถึงการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้เกี่ยวกับข้อมูลสถานการณ์น้ำให้ประชาชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การป้องกันและบรรเทาหากเกิดอุทกภัยให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
ดังนั้นข้อมูลที่มีการโพสต์ และแชร์ต่อในขณะนี้ จึงเป็นข้อมูลบิดเบือน ขอความร่วมมือประชาชน ไม่แชร์ ไม่ส่งต่อข่าวดังกล่าวเพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.rid.go.th หรือโทรสายด่วน 1460
บทสรุปของเรื่องนี้คือ : หากฝนตกในพื้นที่เหนือเขื่อนจนมีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนจํานวนมาก จะมีน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งมาก แต่หากฝนตกในพื้นที่ท้ายเขื่อนมีน้ำไหลลงเขื่อนน้อย จะมีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาภัยแล้งได้ อย่างไรก็ตาม กรมชลประทานมีการบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำในลําน้ำเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนให้ได้มากที่สุด
