จำนวนผู้เข้าชม 22,367,713

ข่าวปลอม อย่าแชร์! เซรั่มวิเศษลดเลือนริ้วรอย หยดเดียวตีนกาหาย

ตามที่มีข่าวโฆษณาถึงเรื่องเซรั่มวิเศษลดเลือนริ้วรอย หยดเดียวตีนกาหาย ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ

ตามที่มีคลิปทางสื่อออนไลน์อวดอ้างเซรั่มลดเลือนริ้วรอย หยดเดียวตีนกาหายวับ พร้อมแสดงภาพวิดีโอสาธิตวิธีใช้ ด้วยการทาเซรั่มบริเวณรอยย่นที่หางตา ถูแปบเดียว รอยเหี่ยวย่นหายเกลี้ยง ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า จากคลิปวิดีโอไม่ปรากฏฉลากภาษาไทย และตรวจสอบเพิ่มเติม พบว่าอาจเป็นผลิตภัณฑ์ชื่อ Brolamen ไม่พบการจดแจ้งในฐานข้อมูลผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง มีข้อสังเกตจากคลิปดังกล่าวว่า ผู้ใช้เครื่องสำอางในคลิปมีการหยีตาขณะทาเซรั่ม จึงมีรอยย่นที่หางตา แต่เมื่อทาเซรั่มเสร็จก็ไม่หยีตา จึงไม่เห็นรอยย่น ดังนั้น การที่รอยย่นหายไปน่าจะเกิดจากการขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้า

โดยการโฆษณาเครื่องสำอางในลักษณะดังกล่าว มีความผิดตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เนื่องจากสื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดด้วยภาพว่าใช้ผลิตภัณฑ์นี้ลดริ้วรอยได้ทันที ซึ่งเป็นเท็จหรือเกินความจริงและทำให้เข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องสำอาง ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่าเจ้าของบัญชีที่เผยแพร่คลิปวิดีโอดังกล่าวอยู่ต่างประเทศ โดย อย. จะตรวจสอบ เฝ้าระวังการโฆษณาและดำเนินคดีผู้กระทำการฝ่าฝืนกฎหมายอย่างเข้มงวดต่อไป เพื่อให้ผู้บริโภคไม่ตกเป็นเหยื่อของการโฆษณาโอ้อวดเกินจริง

website stamp 3641

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.fda.moph.go.th หรือหากพบผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัย สามารถแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วน 1556

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : จากคลิปวิดีโอไม่ปรากฏฉลากภาษาไทย และตรวจสอบเพิ่มเติม ไม่พบการจดแจ้งในฐานข้อมูลผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ทั้งนี้ ผู้ใช้เครื่องสำอางในคลิปมีการหยีตาขณะทาเซรั่ม จึงมีรอยย่นที่หางตา แต่เมื่อทาเซรั่มเสร็จก็ไม่หยีตา จึงไม่เห็นรอยย่น ดังนั้น การที่รอยย่นหายไปน่าจะเกิดจากการขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้า

ข่าวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด