ต้องยอมรับว่า การซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ เป็นช่องทางที่สะดวกสบาย รวดเร็ว แต่เราก็ต้องระมัดระวังในการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ป้องกันการโดนหลอกโดยใช้ 5 วิธีนี้
1. ระวังสินค้าหลอกติดป้ายลดราคา การแปะป้ายโฆษณาว่า สินค้าที่จำหน่ายนั้นมีการลดราคาเป็นพิเศษจากปกติ เป็นอีกวิธีที่ร้านค้าส่วนมากนิยมใช้ในการดึงดูดลูกค้า ซึ่งอาจจะมีร้านค้าที่ลดราคาจริงแต่ก็มีบางร้านค้าที่แอบตั้งราคาก่อนลดสูงเกินจริงและนำมาขายราคาปกติ ดังนั้นก่อนซื้อสินค้า ผู้บริโภคควรตรวจสอบราคาสินค้าชิ้นนั้นจากแหล่งต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของผู้ค้าออนไลน์ที่ติดป้ายลดราคาหลอกลวงผู้บริโภค
2. โค้ดส่วนลดเป็นจำนวนมาก แม้จะเขียนแจ้งว่า โค้ดส่วนลด โดยคิดส่วนลดเป็น % ของราคาสินค้า แต่โค้ดเหล่านี้มักแฝงเงื่อนไขต่าง ๆ แนะนำให้ผู้บริโภคควรตรวจสอบเงื่อนไขการใช้โค้ดส่วนลดอย่างถี่ถ้วนก่อน เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดและได้รับสินค้ามาในราคาที่ไม่ตรงกับความเข้าใจของผู้บริโภค
3. ราคาถูกใจแต่ของข้างในไม่ตรงปก เป็นปัญหาของการซื้อของออนไลน์ที่พบกันบ่อยคือการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์แล้วได้สินค้าที่ไม่ตรงปก ดังนั้นก่อนซื้อผู้บริโภคควรตรวจเช็กรีวิวหรือเลือกร้านค้าที่ไว้ใจได้ก่อนโอนเงิน โดยผู้บริโภคสามารถเข้าตรวจสอบรายชื่อร้านค้าหรือผู้ขายที่ถูกแบนจากกรณีการโกง ได้ที่ www.blacklistseller.com และสามารถตรวจสอบการลงทะเบียนร้านค้าออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า www.dbd.go.th เพื่อลดความเสี่ยงในการซื้อสินค้าจากช่องทางออนไลน์และหากพบปัญหาสามารถยื่นคำฟ้องต่อศาลแพ่งแผนกคดีออนไลน์ได้ที่ https://efiling3.coj.go.th/
4. ระวังลิงก์โค้ดส่วนลดปลอม หากมีลิงก์โค้ดส่วนลดส่งมาในโทรศัพท์หรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ ควรตรวจสอบแหล่งที่มาก่อนกดลิงก์ อาจเป็นกลลวงแก๊งคอลเซนเตอร์เข้ามาดูดเงินจากบัญชีธนาคาร
5. หลีกเลี่ยงการซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ไม่มีระบบตรวจสอบหรือลงทะเบียนผู้ขาย เนื่องจากสถิติเรื่องร้องเรียนของสภาผู้บริโภคพบว่า ร้อยละ 90 ของผู้ร้องเรียนปัญหาซื้อของออนไลน์ส่วนใหญ่มาจากการซื้อสินค้าออนไลน์บนเฟซบุ๊กที่ยังไม่มีระบบตรวจสอบหรือลงทะเบียนผู้ขาย แนะนำว่า ควรซื้อผ่านตลาดออนไลน์ เพราะมีระบบตรวจสอบร้านค้าและยืนยันตัวตน หากมีปัญหาสามารถเรียกร้องให้ตลาดออนไลน์รับผิดชอบได้
