จากข้อมูลที่ปรากฏบนสื่อออนไลน์เรื่องตรวจพบยาชนิดใหม่ “ฟลูอัลปราโซแลม” ใน Erimin 5 ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าข้อมูลดังกล่าว เป็นข้อมูลจริง
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 12 สงขลา ได้รับของกลางเพื่อตรวจวิเคราะห์ มีลักษณะเป็นยาเม็ดกลมแบนสีส้ม ด้านหนึ่งพิมพ์เลข “5” อีกด้านหนึ่ง พิมพ์สัญลักษณ์บนแผงพิมพ์คำว่า อีริมิน 5 “Erimin 5” ตรวจพบตัวยาฟลูอัลปราโซแลม (Flualprazolam) ซึ่งเป็นยานอนหลับกลุ่มเบนโซไดอะเซปีนส์ (benzodiazepines) ชนิดใหม่ ที่ยังไม่เคยตรวจพบมาก่อนในประเทศไทย จัดเป็นวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทในประเภท 1 ยาเม็ดอีริมิน 5 โดยปกติมีส่วนประกอบของวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทชื่อ ไนเมตาซีแพม (Nimetazepam) มีขนาดยา 5 มิลลิกรัม จัดเป็นวัตถุที่ออกฤทธิ์ฯ ในประเภท 2
ปัจจุบันไม่มีการจำหน่ายในประเทศไทย มีการนำไปใช้ในทางที่ผิดและพบระบาดมากใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะจังหวัดนราธิวาส ระยะหลังพบการระบาดของยาอีริมินปลอมเพิ่มมากขึ้น โดยการใส่ หรือผสมยา หรือวัตถุออกฤทธิ์ตัวอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงข้อกฎหมาย
ดังนั้น การตรวจพบตัวยาฟลูอัลปราโซแลม จึงเป็นการตรวจพบครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งในประเทศสิงคโปร์และมาเลเซียมีการตรวจพบตั้งแต่ปี 2564 ห้องปฏิบัติการยา ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 12 สงขลา ตรวจพิสูจน์ยืนยันตัวยาฟลูอัลปราโซแลมในของกลางยาเม็ด Erimin 5 ด้วยเทคนิค Liquid Chromatography Mass Spectrometry (LCMS), Gas Chromatography Mass Spectrometry (GCMS), Thin Layer Chromatography (TLC) และ UV-Vis Spectrophotometry โดยเปรียบเทียบตัวอย่างกับสารมาตรฐานฟลูอัลปราโซแลม
ฟลูอัลปราโซแลม เป็นยากลุ่มเบนโซไดอะเซปีนส์ที่ถูกสังเคราะห์ขึ้น (Synthetic Benzodiazepines) มีโครงสร้างทางเคมีคล้ายกับอัลปราโซแลม (Alprazolam) แตกต่างกันที่ฟลูอัลปราโซแลมมีอะตอมของฟลูออรีนอยู่ในโครงสร้างตัวอื่นในกลุ่มเบนโซไดอะเซปีนส์ โดยออกฤทธิ์คลายความวิตกกังวล และทำให้ง่วงนอน เนื่องจากฟลูอัลปราโซแลมไม่มีการใช้เป็นยาในมนุษย์จึงไม่พบการศึกษาวิจัยทางคลินิกของตัวยา แต่จากโครงสร้างทางเคมีคาดว่า ฟลูอัลปราโซแลมออกฤทธิ์ภายใน 10-30 นาที หลังการรับประทาน และออกฤทธิ์นาน 6-14 ชั่วโมง เนื่องจากไม่มีข้อมูลทางคลินิกที่ชัดเจน การใช้หรือเสพตัวยาฟลูอัลปราโซแลม จึงเป็นความเสี่ยงต่อผู้เสพที่อาจทำให้เกิดอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเฝ้าระวัง ตรวจสอบ และควบคุมการแพร่ระบาดของยาดังกล่าวต่อไป
ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www3.dmsc.moph.go.th หรือ โทร. 02-589-9850 ถึง 8